มีคนเคยกล่าวไว้ว่า การ ‘ลืมและจำ’ เป็นสิ่งสำคัญในชีวิตมนุษย์ เพราะทั้งสองสิ่งต่างส่งผลต่อการเรียนรู้ การใช้ชีวิต และหล่อหลอมให้มนุษย์คนหนึ่งสมบูรณ์ เมื่อใดก็ตามที่ทั้งสองสิ่งถูกฉกชิงไป ไม่ว่าจะเพราะความไม่ใส่ใจ หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากโรคความจำเสื่อม ผลที่ตามมาไม่เพียงแต่จะทำร้ายผู้ที่ถูกลืมเท่านั้น แน่นอนว่ามันส่งผลกระทบโดยตรงต่อตัวผู้ป่วยในระดับที่ลึกและรุนแรงกว่าหลายเท่านัก
ในฟากหนึ่ง เราเห็นการตั้งคำถามจากคนภายนอกว่า ‘แล้วพวกเขาจะอยู่กันอย่างไร? หรืออาจมองผู้ป่วยเหล่านี้ด้วยความสงสารและเห็นใจ แต่ Yvonne van Amerongen กลับเลือกทำในสิ่งที่ต่างออกไปด้วยคำถามธรรมดาสามัญที่ว่า “แล้วทำไมเราถึงไม่ทำให้ผู้ป่วยเหล่านี้ใช้ชีวิตได้แบบปกติล่ะ” คำตอบของเธอก็คือการก่อตั้งศูนย์พักฟื้นผู้ป่วยสูงวัย Hogewey Dementia Village บนพื้นที่ 4 เอเคอร์ ในเมือง Wheesp เขตชนบทที่ห่างจากอัมสเตอร์ดัมเพียง 3 กิโลเมตร แห่งนี้ขึ้น
ด้วยประสบการณ์ที่ Yvonne ได้เจอจากการทำงานในศูนย์พักฟื้นคนชรา สถานที่ที่ลูกหลานของผู้ป่วยความจำเสื่อมขั้นรุนแรงจะพาพ่อแม่ของพวกเขามาพักพิงในวาระสุดท้ายของชีวิต ทำให้เธอได้เห็นสภาพผู้ป่วยที่ส่งเสียงร้องด้วยความเศร้าและเจ็บปวด การอยู่อย่างโดดเดี่ยวและไร้จุดหมาย (อันเป็นปัจจัยเชื่อมโยงที่มีผลกระทบต่อโรคสมองเสื่อม) นำไปสู่การออกแบบโครงสร้างการทำงานและโมเดลของ Hogewey Dementia Village ที่ถูกสร้างเสมือนเป็นหมู่บ้านจำลองที่มีทุกอย่างแบบที่ชุมชนหนึ่งพึงจะมี ตั้งแต่สวนสาธารณะ ร้านทำผม ซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ทำการไปรษณีย์ บาร์ ร้านอาหาร โรงเรียนศิลปะ โรงเรียนสอนทำอาหาร และโรงละคร และมันจะไม่สมบูรณ์เลยหากขาดบ้านพักอาศัยจำนวน 23 หลังคาเรือน โดยแต่ละหลังจะถูกจัดสรรให้มีห้องส่วนตัวของผู้ป่วย 5-6 ห้อง ต่อหลัง ได้รับการตกแต่งตามรูปแบบการใช้ชีวิต ความชอบ และรสนิยมของผู้อยู่ มีสนามหญ้าหน้าบ้าน และพื้นที่ส่วนกลาง ทั้งห้องครัว ห้องทานอาหาร และห้องนั่งเล่น สำหรับรองรับประชากรสูงวัยจำนวน 152 คน
ที่นี่จะให้การรักษาด้วยยาในปริมาณน้อยและผู้ป่วยทุกคนจะได้รับอิสระในการใช้ชีวิตโดยอิงกับวิถีความเป็นอยู่แบบเดิมที่พวกเขาเคยมี ทั้งการกิน ดื่ม เที่ยว ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่พยาบาลนอกจากจะสวมเสื้อผ้าทั่วไปที่ไม่ใช่ชุดเครื่องแบบแล้ว พวกเขายังสวมบทบาทที่แตกต่างกัน ทั้งการเป็นเพื่อนบ้านที่จะคอยชวนให้ผู้ป่วยมาทำอาหารร่วมกัน เป็นคนรับใช้ในบ้านของผู้ป่วยที่มีฐานะมั่งคั่ง เป็นพนักงานในร้านค้าและสถานที่ให้บริการต่างๆ โดยทั่วทุกมุมในหมู่บ้านจะมีการติดตั้งกล้อง CCTV เพื่อดูแลความปลอดภัยแบบ 24 ชั่วโมง
“มีคนไม่น้อยบอกว่าเรากำลังหลอกลวงผู้ป่วย แต่ไม่เลย เรามีชุมชนจริงๆ ที่นี่ และทุกคนใน Hogewey Dementia Village ก็ปฏิบัติและให้เกียรติพวกเขาในแบบที่คนคนหนึ่งสมควรจะได้รับ เราสร้างสังคมแบบนี้เพื่อต้องการให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตที่เป็นปกติมากที่สุด มีความสุขตามวิถีและความสามารถที่แต่ละคนจะทำได้ ที่สำคัญ เราจะบอกกับความจริงเสมอว่าที่นี่คือที่ไหน”
จากโมเดลที่เป็นเพียงความคิดเมื่อ 25 ปีก่อน ได้ถูกขยายความให้ศูนย์แห่งนี้เกิดขึ้นจริงในปี 2009 โดยได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลเนเธอร์แลนด์และนักธุรกิจท้องถิ่นกว่า 19 ล้านยูโร ปัจจุบัน Hogewey Dementia Village เป็นทั้งบ้านและชุมชนแสนอบอุ่นสำหรับผู้ป่วยความจำเสื่อมที่ใช้ชีวิตบั้นปลายได้อย่างมีความสุข (ซึ่งจากผลสำรวจพบว่า คนชราในหมู่บ้านแห่งนี้มีความสุข กินอิ่ม หลับสบาย และอายุยืนกว่าบ้านพักคนชราที่อื่นๆ) และเป็นโครงการต้นแบบที่หลายๆ ประเทศต้องการนำไปทดลองใช้
องค์การอนามัยโลกระบุไว้ว่า ‘ทุกๆ ปี จะมีคนกว่า 35 ล้านคน ป่วยเป็นโรคความจำเสื่อม และมีประชากรอีกกว่า 7 ล้านคนต่อปี มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคดังกล่าว’ นี่อาจฟังดูน่ากลัวเหลือเกิน แต่ Hogewey Dementia Village และบุคคลากรทุกคนแสดงให้เห็นว่า ทุกปัญหามีทางออกเสมอ และความเอาใจใส่ ความเห็นอกเห็นใจ ตลอดจนการทำงานด้วยหัวใจที่เอื้ออาทรก็ทำให้ปัญหาอันหนักอึ้งนี้ดูบรรเทาเบาบางและสวยงามมากขึ้นเป็นกอง
Drawing by Niek Roozen, Weesp
Drawing by Molenaar&Bol&VanDillen architekten
อ้างอิง www.hogeweyk.dementiavillage.com
ภาพ www.hogeweyk.dementiavillage.com, KopArt, Amstelveen / Madeleine Sars, Eindhoven / Hans Erkelens, Flickr / Anita Edridge