อีกหนึ่งความพยายามในการใช้สถาปัตยกรรมเพื่อออกแบบเมืองอย่างสร้างสรรค์และมีเอกลักษณ์ Pont de Bondy คือสถานีรถไฟใต้ดินส่วนต่อขยายชานกรุงปารีสที่กำลังเป็นที่จับตาของเหล่านักออกแบบเมืองทั่วโลก
แนวคิดของสถานีเมโทรแห่งนี้ถูกดีไซน์ขึ้นบนโจทย์ที่เรียกว่าเป็นประเพณีนิยมของคนปารีสก็ว่าได้ นั่นก็คือการประยุกต์พื้นที่ริมน้ำบริเวณใกล้สะพานให้เป็นพื้นที่สาธารณะของชาวเมืองและแลนด์มาร์คทางวัฒนธรรมไปพร้อมกัน
ผลงานระดับรางวัลชิ้นนี้เป็นฝีมือของสองบริษัทออกแบบ Bjarke Ingels Group (เดนมาร์ก) และ Silvio D’ascia Architecture (ฝรั่งเศส) ที่ร่วมมือกันพัฒนาโครงสร้างสถานีรูปวงแหวน (loop-shaped) ณ บริเวณสะพาน Bondy (Pont de Bondy) ให้เป็นสถานีเมโทรขนาดใหญ่ที่พร้อมจะตอบรับกับกิจกรรมเมืองอันหลากหลาย (ส่วนหนึ่งในเมกะโปรเจ็กต์ของกรุงปารีสที่จะขยายโครงข่ายสถานีออกไปอีก 68 สถานี เป็นระยะทางรวมกว่า 200 กิโลเมตร) ซึ่งโครงสร้างของสถานีที่ดูราวกับงานปฏิมากรรมขนาดยักษ์นี้จะประกอบไปด้วยฟังก์ชั่นของสะพานข้ามแม่น้ำและอุโมงค์ที่วางตัวล้อมโถงอาคารขนาดมหึมาบนฝั่งแม่น้ำ ส่วนในประเด็นด้านความงาม สถานี Pont de Bondy นี้จะถูกตกแต่งด้วยวัสดุเทอราคอตตา ดินเผาสีส้มธรรมชาติที่จะทำให้โครงสร้างของอาคารดูโดดเด่นขึ้นจากภูมิทัศน์โดยรอบ ส่วนบริเวณใจกลางของอาคารระดับพื้นดินนั้นก็จะมีช่องแสงสกายไลท์ขนาดใหญ่ที่เปิดรับแสงแดดธรรมชาติตรงๆ ลงไปสู่ชั้นใต้ดินอีกหลายชั้น
แต่หัวใจสำคัญที่สุดที่จะทำให้ สถานีเมโทร Pont de Bondy นี้สร้างคุณค่าใหักับสังคมได้อย่างยั่งยืน น่าจะอยู่ที่การกำหนดพิกัดและบทบาทของตัวอาคารให้อยู่ ณ ใจกลางระหว่างชุมชนเล็กๆ 3 แห่ง (คือ Bondy, Bobigny และ Noisy-le-Sec) ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตทั้งสามชุมชนย่อยก็คงจะค่อยๆ หล่อหลอมเข้าหากันแน่นแฟ้นขึ้น โดยมีโครงสร้างทางกายภาพเช่น ‘สะพาน’ และ ‘พื้นที่ไฮบริดทางวัฒนธรรม’ เป็นตัวเชื่อมต่อนั่นเอง
* ทางกรุงปารีสตั้งเป้าว่าสถานีและเส้นทางเมโทรใหม่นี้จะเปิดให้บริการจริงได้ก่อนปีค.ศ. 2030
อ้างอิง: inhabitat, dezeen