มีคนแนะนำให้มิวเซียมแห่งนี้แจก ‘ถุงอ้วก’ แก่ผู้ชมก่อนที่จะเข้าไปดูนิทรรศการข้างใน! ข้อเสนอแนะที่ว่าบอกได้อย่างดีว่า อาหารที่จัดแสดงอยู่ใน The Disgusting Food Museum หรือ พิพิธภัณฑ์อาหารชวนอ้วก แห่งนี้ น่าขยะแขยงแค่ไหน
The Disgusting Food Museum ตั้งอยู่ในเมือง Malmö ประเทศสวีเดน ภายในจัดแสดงอาหารจากหลากหลายวัฒนธรรมที่ติดอันดับ ‘ชวนอ้วก’ ไม่ว่าจะเป็น ‘นัตโตะ’ ถั่วเน่าของญี่ปุ่น, ‘Escamoles’ ตัวอ่อนของมดที่เป็นเมนูเด็ดในเม็กซิโก, ‘Shirako’ เสปิร์มปลาคอด, ชีสกลิ่นแรงของฝรั่งเศส, เนื้อฉลามหมัก, รังนกที่ทำมาจากน้ำลายนกนางแอ่น รวมถึงผลไม้จากไทย ‘ทุเรียน’ ที่คนอีกหลายคนบนโลกได้กลิ่นแล้วแทบเป็นลม
Samuel West ผู้ก่อตั้งมิวเซียมแห่งนี้บอกว่า เขาต้องการนำเอาอาหารเหล่านี้มาให้ผู้ชมได้คิดว่า ความหมายของคำว่า ‘น่ารังเกียจ’ ของคนกลุ่มหนึ่ง อาจเป็นสิ่งที่คนอีกกลุ่มหนึ่งชื่นชอบ เหมือนกับที่ชาวตะวันตกไม่อาจทำใจกับรสและกลิ่นของนัตโตะได้ และในขณะเดียวกันคนเอเชี่ยนที่กินนัตโตะเป็นเรื่องปกติ ก็ไม่สามารถทนกลิ่นเหม็นเน่าของชีสในวัฒนธรรมตะวันตกได้เหมือนกัน หรือแม้แต่รูทเบียร์ที่คนอเมริกันชอบดื่ม ถ้าเอามาให้คนยุโรปกินบ้าง เขาก็จะบอกว่า นี่มันอะไรกัน ทำไมรสชาติอย่างกับยาสีฟัน
“เป็นเรื่องปกติที่เราจะมองว่าสิ่งที่เราไม่คุ้นชินเป็นสิ่งน่ารังเกียจ แต่กับสิ่งที่เราเติบโตมากับมัน ถึงแม้มันจะน่ารังเกียจ แต่เราก็กลับไม่รู้สึกอย่างนั้น” การเข้ามาชมนิทรรศการในมิวเซียมนี้ อาจทำให้ผู้คนหันมาเข้าอกเข้าใจวัฒนธรรมที่แตกต่างออกไปได้มากขึ้น West ให้ความเห็นเอาไว้
นอกเหนือไปจากเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรม อีกความหมายของ ‘น่ารังเกียจ’ หรือ ‘ขยะแขยง’ ที่ The Disgusting Food Museum นำเสนอออกมาก็คือ ความน่ารังเกียจที่เกิดจากที่มาและกระบวนการปรุงอาหารนั้นๆ โดยเฉพาะกระบวนการที่เป็นการทรมานสัตว์ อาหารในประเภทนี้รวมถึง ‘froie gras’ ที่กว่าจะได้มา เป็ดเหล่านั้นต้องถูกบังคับให้กินอาหารเกินความจำเป็น, ‘สมองลิง’ ที่ว่ากันว่าชาวจีนผ่าหัวลิงออกและกินเมนูนี้กันสดๆ ขณะที่ลิงตัวนั้นยังมีชีวิตอยู่, ‘ไวน์หนู’ ของคนจีน ที่บ่มลูกหนูเป็นๆ ลงไปในไวน์ เช่นเดียวกับ ‘ortolan’ เมนูอาหารฝรั่งเศสที่เอานกเป็นๆ ใส่ลงไปในบรั่นดี ก่อนจะปรุงอาหารขึ้นมาให้คนกิน
บอกเลยว่า อาหารประเภทหลังนี้น่ารังเกียจกว่าพวกอาหารเหม็นเน่าด้านบนเป็นไหนๆ ขนาดที่คนเขียนเขียนไปก็จะอ้วกไป และเราควรรณรงค์ให้เลิกทำและเลิกกินอะไรพวกนี้กันได้แล้ว เพราะอย่างที่ มหาตะมะ คานธี เคยกล่าวไว้ “การบริโภคของมนุษย์ควรจะมีขีดจำกัด”