The Mitchells vs. the Machines: บ้านมิทเชลล์ปะทะจักรกล กอบรักไปกู้โลก

ในโลกที่ทุกอย่างรอบตัวเชื่อมโยงกันไว้ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารและการควบคุมของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ชีวิตมนุษย์ถูกจำกัดในพื้นที่ส่วนตัวจนหลงลืมความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างกัน และนานวันเข้าแทนที่เทคโนโลยีจะเป็นเพียงเครื่องมือสำหรับอำนวยความสะดวกกลับกลายเป็นผู้คุมมนุษย์อย่างเบ็ดเสร็จ ชีวิตเสมือนตกเป็นทาสระบบที่ปัญญาประดิษฐ์จัดวางไว้อย่างไม่มีทางเลือก นี่อาจเป็นการมองโลกแห่งความเจริญในแง่ร้าย ทว่าก็เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ในอนาคต แม้ในปัจจุบันเราก็เริ่มเห็นเค้าลางของปรากฏการณ์ที่ว่านี้กันแล้ว ถ้าอย่างนั้นหนทางแก้ไขคืออะไรล่ะ

The Mitchells vs. the Machines เป็นแอนิเมชั่นอีกเรื่องหนึ่งที่หยิบยกปัญหาเรื่องความก้าวหน้าของโลกเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์มาพูดถึงผ่านการเดินทางของครอบครัว Mitchells ด้วยสไตล์คอมเมดี้ แฟนตาซี ไซ-ไฟ ที่สนุกสนาน ชวนขำ โดยมีความสัมพันธ์อันบิดเบี้ยวของครอบครัวเป็นแกนกลาง ‘เคธี’ เด็กสาวมากจินตนาการและชอบการสร้างงานศิลปะแนวล้ำหน้าผ่านหนังแอนิเมชั่นบนแล็บท็อปประจำตัว ซึ่งเป็นอะไรที่ ‘ริค’ พ่อของเธอที่ไม่เคยชอบหรือคิดจะเข้าใจโลกของลูกสาวเลย ด้วยความที่เขายังหลงอยู่ในยุควิดีโอ เป็นนักประดิษฐ์รุ่นเก่ากับงานช่างฝีมือที่ล้าสมัย แต่ด้วยความเข้ากันไม่ได้ของสองพ่อลูกนี่เอง ที่ขับเคลื่อนเรื่องราวให้ชวนติดตามและฮาไปกับทุกเหตุการณ์ นอกจากนั้น ยังมี ‘ลินดา’ ผู้เป็นแม่ที่พยายามประนีประนอมข้อขัดแย้งของพ่อลูกตลอดเวลา ส่วน ‘แอรอน’ น้องเล็กเด็กเนิร์ดที่มีโลกส่วนตัวอยู่กับไดโนเสาร์ และที่ขาดไม่ได้เลยคือเจ้าตูบ ‘มอนชิ’ ไซด์คิกประจำบ้านที่เป็นหนึ่งตัวละครที่ช่วยกันสร้างสีสันให้ทุกคน

ในระหว่างที่ความผิดใจกันของพ่อลูกเกือบทำให้ความอบอุ่นในครอบครัวพังพินาศ ที่ข้างนอกนั้นกลับมีมหันตภัยเอไอคุกคามและกำลังจะครองโลก และภารกิจสำคัญของครอบครัว Mitchells ในครั้งนี้นอกจากจะดึงความรักที่จืดจางให้กลับมาแล้ว ยังต้องปกป้องโลกจากกองทัพหุ่นยนต์เอไอไปในเวลาเดียวกัน ภาพยนตร์อเมริกันเรื่องนี้แรกทีเดียวทางผู้ผลิต โซนี พิคเจอร์ ตั้งใจจะนำออกฉายในปี 2021 แต่เพราะสถานการณ์ โควิด 19 จึงตัดสินใจขายลิขสิทธิ์ออกอากาศผ่าน Netflix ผลงานกำกับฯ ของ ไมค์ เรียนดา นับเป็นงานกำกับฯ เรื่องแรกของเขา ร่วมกำกับโดย เจฟ โรว์ อีกทั้งได้ ฟิล ลอร์ด กับ คริสโตเฟอร์ มิลเลอร์ เป็นผู้เขียนบทภาพยนต์ และ เคิร์ต อัลเบรทช์ รับหน้าที่อำนวยการสร้าง

แม้จะมีการอ้างอิงหรือล้อเลียนเหตุการณ์ในชีวิตจริงอยู่บ้าง แต่หนังก็ไม่ได้เน้นความสมจริงนัก ด้วยเทคนิคการตัดต่อที่เป็นเหมือนคลิปในโลกโซเชียล สอดแทรกภาพล้อไปมาระหว่างภาพจริง กราฟิกอาร์ต และแอนิเมชั่น จนเป็นสไตล์แฟนตาซีหลุดโลก ทำให้คนดูมองข้ามความไม่สมเหตุสมผลในการปราบพวกกองทัพหุ่นยนต์ไป เพราะนั่นอาจไม่สำคัญเท่าการเพิ่มรอยยิ้มให้กับความเพี้ยนหลุดกรอบของสมาชิกทุกคนในครอบครัวนี้ ซึ่งดูจะเป็นข้อเสนอแนะเกี่ยวกับทางออกของปัญหาเรื่องความแตกต่างไม่เข้าใจกันของคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ในโลกปัจจุบันนี้ว่า ความรักของคนในครอบครัวนั่นแหละจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างได้ ไม่ว่าปัญหานั้นจะเล็กหรือใหญ่เท่ากับวิกฤติโลกใบนี้ก็ตาม

อ้างอิง: en.wikipedia.org, www.imdb.com 

Tags

Tags: ,

วรัญญู อุดมกาญจนานนท์

Art may not be the only way to brighten the world, but it is essential to create a beautiful life. รักงานสร้างสรรค์อิสระ...งานเขียนเป็นหนึ่งในนั้น เพราะตัวหนังสือคือความคิดที่เชื่อมโลกกับเราไว้ด้วยกัน

See all articles