กาลครั้งหนึ่งเมื่อ 50 ปี มาแล้ว ทางใต้ทะเลทรายซาฮาราอันกว้างใหญ่ ที่เรียกว่า Ténéré ยังมีต้นไม้ต้นหนึ่งตั้งตระหง่านงอกเงยแผ่กิ่งก้านไม่กลัวความแห้งแล้ง ยืนหยัดแสดงพลังแห่งชีวิตท่ามกลางอากาศร้อนระอุ จนได้รับการขนานนามว่า ‘ต้นไม่ที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก’ และในขณะเดียวกันก็เป็นสัญลักษณ์แห่งการมีชีวิต ความทรหดอดทนที่จะทนสู้กับสภาพแวดล้อมอย่างกล้าหาญ แต่ก็น่าเสียดายที่เจ้าต้นไม้นี้ถูกทำลายไปด้วยฝีมือมนุษย์ บ้างว่ามาจากพวกเมาแล้วขับ และเพื่อเป็นการรำลึกถึงความกล้าหาญของต้นไม้ต้นนี้ งานแสดงประติมากรรมแสง Tree of Ténéré ชิ้นนี้จึงถูกจัดแสดงขึ้น
Studio Drift ได้ออกแบบต้นไม้ที่ประกอบด้วยหลอดไฟ LED ซึ่งมีการเคลื่อนไหวของแสงโต้ตอบกับผู้ชม ราวกับมีชีวิต ต้นไม้ที่แทนค่าความรู้สึกรักและการมีอยู่ของชีวิต แม้ต้นจริงจะตายไปนานแล้วแต่ปรากฏการณ์ของเขาไม่ตายตามไปด้วยยังคงทำให้เราสำนึกถึงความงดงามของชีวิตสีเขียวนั้นได้ งานนี้มีศิลปินหลายคนร่วมออกแบบสร้างสรรค์ ทั้งด้านเทคนิคแสงและแอนิเมชั่นเพื่อให้งานออกมาได้อย่างมีชีวิตชีวาที่สุด นอกจากใบไม้เรืองแสงกลางทะเลทรายแล้ว ยังจัดงานแสดงดนตรีเพื่อสร้างสีสันในงาน ซึ่งจัดขึ้นตามคอนเซ็ปต์เทศกาลชีวิต Burning Man ประจำปี 2017 เป็นที่แรก โปรเจ็กต์นี้จะนำไปจัดแสดงในเมืองสำคัญต่างๆ ทั่วโลกด้วย
ในอีกมุมหนึ่งมันสะท้อนถึงธรรมชาติที่พยายามยืนหยัดประกาศตัวถึงความมีอยู่ของพวกเขา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลก และถ้าไม่มีการแทรกแซงหรือทำให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป พวกเขาก็จะดำรงอยู่ได้ มนุษย์ต่างหากที่ต้องคำนึงถึงสิ่งมีค่าที่นับวันจะสูญหายไปเพราะพฤติกรรมการใช้ทรัพยากรโลกที่ไม่รับผิดชอบ
อ้างอิง : designboom.com ; treeoftenere.com