โลกเราทุกวันนี้แม้จะเจริญด้วยเทคโนโลยีแต่ก็ยังไม่อาจไปพ้นจากการแบ่งแยกชิงชังระหว่างกัน ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุเรื่องฐานะ เชื้อชาติ เพศสภาพ สีผิว หรือจะอะไรก็ตามที ทั้งหมดเริ่มจากความไม่รู้และมีความเชื่อผิดๆ ขาดความเข้าใจในความเป็นมนุษย์ บางทีการตั้งข้อรังเกียจสิ่งที่แตกต่างคงเป็นปมด้อยที่ฝังรากในสันดานดิบที่ยากจะแก้ไข และมีบางพื้นที่บนโลกที่ต้องเรียกว่าเป็นนรกสำหรับคนที่เกิดมาแล้วแตกต่างกับคนอื่น นี่เป็นภาพถ่ายสะท้อนความงมงายอันแสนเจ็บปวด สำหรับเด็กที่เกิดเป็นโรคคนเผือกในแทนซาเนีย
ความขาวอาจไม่ได้บ่งบอกถึงสีผิวที่โดดเด่นกว่า ตรงกันข้ามกลับเป็นสิ่งน่าเกลียดน่ากลัวสำหรับชาวเมือง เพราะความเชื่อที่ว่าเด็กที่เป็นโรคเผือกคือตัวแทนของสิ่งชั่วร้าย แม่ของเด็กที่คลอดลูกออกมาเป็นโรคนี้จะถูกขอให้ฆ่าลูกทิ้ง ส่วนในรายที่โตแล้วก็จะเสี่ยงต่อการถูกลอบทำร้าย แถมชิ้นส่วนบนร่างกายของพวกเขายังมีการซื้อขายกันในตลาดมืด เพื่อส่งไปให้แม่มดหมอผีใช้เป็นเครื่องรางประกอบพิธีกรรม นับเป็นความน่าสมเพชของความเชื่อที่ทำลายคุณค่าความเป็นมนุษย์ลงอย่างน่าอนาถ ภาพถ่ายชุด ‘Under the Same Sun’ นี้เป็นผลงานของช่างภาพสาวชาวดัชท์ Marinka Masséus เพื่อสื่อสารความไม่เท่าเทียมกันอันเนื่องมาจากความเชื่อไร้สาระของมนุษย์ให้โลกรับรู้
Marinka Masséus จบการศึกษาปริญญาโทสาขาจิตวิทยาพุทธศาสนาที่กรุงอัมสเตอร์ดัมประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งได้นำแนวคิดหลักปรัชญาที่เรียนมาถ่ายทอดเรื่องราวผ่านการถ่ายภาพได้อย่างน่าประทับใจ เพราะไม่เพียงการจัดวางองค์ประกอบภาพสวยงามเฉยๆ ทว่ากะเทาะเปลือกความไม่เท่าเทียมกันของชีวิตได้อย่างถึงแก่น และหวังว่าคงจะกระตุ้นในเกิดสำนึกในความเป็นมนุษย์ในเด็กที่เป็นโรคเผือกที่แทนซาเนียนี่ได้
ความจริงโรคคนเผือกนี่เกิดจากยีนส์ด้อยในร่างกายที่ทำให้เซลเม็ดสีผิวผิดปกติ พวกเขาอ่อนแอ เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งผิวหนังจากแสงแดด นั่นเป็นความลำบากในการใช้ชีวิตตามธรรมชาติอยู่แล้ว หากแต่ต้องเผชิญกับความโหดร้ายที่สังคมกระทำด้วยนับเป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างที่สุด ความป่วยไข้อาจที่ทำให้ร่างกายคนเราดูแปลก ทว่าความคิดรังเกียจเพื่อนมนุษย์เพียงเพราะเขาป่วยหรือแตกต่างจากเรานั่นแหละที่น่ารังเกียจและป่วยเสียยิ่งกว่ามาก
อ้างอิง : boredpanda, Marinka Masseus, Bizarre Pedia