Living Radars: เรดาร์มีชีวิต ตรวจจับความเร็วในเขตโรงเรียน ทำงานด้วยชีวิตของเด็กนักเรียน

เขตโรงเรียนควรเป็นเขตปลอดภัยสำหรับเด็กนักเรียนไม่ต่างกับบ้าน แต่เด็กนักเรียนจำนวนมากได้พบเจอกับยานยนต์และมีความเสี่ยงจากยานยนต์รอบๆ โรงเรียน แม้หลายโรงเรียนจะเน้นความปลอดภัยของเด็กเดินเท้าบริเวณรอบๆ ซึ่งเรียกว่า “เขตโรงเรียน”

แคว้นควิเบคในประเทศแคนาดาได้จำกัดความเร็วของยานพาหนะในเขตโรงเรียนไว้ที่ไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามมาตรการชะลอความเร็วจราจร พร้อมติดตั้งเรดาร์วัดความเร็วทุกระยะ เพื่อเตือนผู้ขับขี่รถยนต์ให้มีความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่รถแทบทุกคันจะขับเกินไปที่ 50 – 80  กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือเกินกว่านี้ โดยไม่สนใจเลยว่าเรดาร์จะวัดได้เกินความเร็วที่กำหนด…หรือเสาเรดาร์เหล่านั้นจะไม่ใช่เครื่องมือเตือนสติที่ดี

Societe de l’assurance automobile du Quebec หรือ สมาคมประกันภัยทางรถยนต์ของควิเบค ในฐานะผู้ให้บริการทางด้านการประกันภัยชั้นนำของควิเบค จึงร่วมกับเอเยนซี่โฆษณา LG2 ออกแคมเปญ Living Radars รณรงค์ความปลอดภัยในการใช้ยานพาหนะในเขตโณงเรียน ด้วยไอเดียที่ง่ายไม่ซับซ้อน แต่กระแทกเตือนสติผู้ขับรถได้ดี เพียงแค่ย้ายเรดาร์ตรวจจับความเร็วจากเสานิ่งๆ ไร้ชีวิตริมถนน มาอยู่บนตัวของเด็กนักเรียนที่มีชีวิตเคลื่อนที่ได้นั่นเอง โดยให้เด็กนักเรียนประถมจำนวนหนึ่งแขวนป้ายเรดาร์ขนาดพิเศษที่ทำขึ้นเพื่อการนี้ เพื่อที่คนขับจะสามารถเห็นความเร็วของรถยนต์ที่ตัวเองขับอยู่ได้จากด้านหลังของเด็ก ซึ่งนับว่าได้ผล! เพราะระถยนต์ทุกคนเมื่อเห็นเรดาร์มีชีวิตอย่างนี้ เป็นต้องชะลอกันทุกคัน และจากการสัมภาษณ์เชิงลึก พวกเขาต่างรู้สึกสำนึกรับผิดชอบต่อการขับรถในเขตโรงเรียนมากขึ้น และต่อไปจะชะลอความเร็วทุกครั้งที่ขับเข้าเขตโรงเรียน

จากสถิติพบว่าการใช้ความเร็วที่ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นจะทำให้โอกาสรอดชีวิตมีมากถึง 98% หากเกิดการขับรถชนคนที่เดินอยู่บนทางเท้า แต่เพราะความประมาทจึงขับเกินกว่ากำหนด ในเขตโรงเรียนที่มีเด็กนักเรียนใช้ทางเท้าและเดินข้ามถนนนั้นอุบิตเหตุสามารถเกิดได้ทุกเมื่อ เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเองและผู้ร่วมใช้รถใช้ถนน ใช้ทางเท้า โดยเฉพาะในเขตชุมชนและเขตโรงเรียน เรามาขับขี่ด้วยความเร็วต่ำและเคารพกฎจราจรกันดีกว่า

อ้างอิง: The-Message Guerrillablog

จงจิตร สมิทธิ์

Head of Creative บริษัท Far East Fame Line DDB มีความเชื่อว่างานโฆษณาที่ดีใช้แค่ Creativity ไม่พอ แต่ต้องใช้ Humankind Creativity ที่สามารถเปลี่ยนชีวิตสังคมและโลกไปในทางที่ดีขึ้นด้วย

See all articles