“I’m a Barbie girl, in a Barbie world. Life in plastic, it’s fantastic” เพลงดังจากยุค 90 กลับมาฮิตอีกครั้งพร้อมกับภาพยนตร์เรื่องบาร์บี้ที่ดังกระฉ่อนโลก แต่หากมองเรื่องจากมุมขยะพลาสติกที่ทำลายสิ่งแวดล้อมของเราในปัจจุบัน “Life in plastic” ก็ไม่ fantastic เอาซะเลย!
United Nations Environment Programme (UNEP) หน่วยงานที่รับผิดชอบประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้องค์การสหประชาชาติ กำหนดให้วันสิ่งแวดล้อมโลกตรงกับวันที่ 5 มิถุนายนของทุกปี สำหรับธีมปี 2023 คือ ‘รักษ์โลก ลดพลาสติก’ ชวนติดแฮชแท็ก #BeatPlasticPollution เน้นสร้างความตระหนักถึงปัญหาใหญ่อย่าง ‘ขยะพลาสติก’
หนึ่งในสื่อโฆษณารณรงค์ #BeatPlasticPollution จึงฉวยกระแสดังจากภาพยนตร์บาร์บี้ เพื่อให้เป็นที่สะดุดตาและจดจำง่าย โดยใช้ภาพตุ๊กตาพลาสติกสาวผมบลอนด์คล้ายตุ๊กตาบาร์บี้ที่ทำจากพลาสติก ลอยปะปนกับขยะพลาสติกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำ ภาชนะพลาสติก ซึ่งดูแล้วไม่ fantastic เลยสักนิดเดียว พร้อมข้อความพาดหัวที่บิดจากท่อนฮุคเพลงดัง “Life in plastic, it’s not fantastic” สั้นๆ ได้ใจความ ซึ่งไม่ต้องอธิบายความอะไรมาก ทุกคนก็เข้าใจถึงสิ่งที่โฆษณาต้องการสื่อ
แม้พลาสติกจะมีประโยชน์ใช้สอยสำหรับมนุษย์มาก แต่ทุกวันนี้เรามีการใช้พลาสติกกันมากเกินไป ซึ่งพลาสติกมีสัดส่วน 10% ของขยะที่มนุษย์สร้าง โดยเฉพาะการใช้พลาสติกเพียงครั้งเดียวแล้วทิ้งเช่นขวดหรือถุงพลาสติก ถ้ามองให้เห็นภาพ ถุงพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว 1 กิโลกรัม จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 8.3 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบได้กับขนาดลูกบอลใหญ่ 2 เมตรเลยทีเดียว
การหลีกเลี่ยงไม่ให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น ความเคยชินกับวิธีการแบบเดิมคือ ใช้แล้วทิ้ง! ต้องยุติลง ซึ่งองค์การสหประชาชาติหวังว่า วันสิ่งแวดล้อมโลกจะเป็นจุดสร้างแรงบันดาลใจให้ทุกคนตระหนักถึงปัญหา กระตุ้นให้บุคคลทั่วไปเริ่มแสดงพลังผู้บริโภคมากขึ้น ด้วยการปฏิเสธไม่ใช้พลาสติกชนิดใช้แล้วทิ้ง
ซึ่งหากเปลี่ยนพฤติกรรมนี้ได้ มันจะส่งผลต่อโซ่อุปทานของธุรกิจและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ขยายตัวไปทั่วระบบ ผู้ประกอบการค้าปลีกหรือร้านค้าก็จะส่งต่อผลนี้ไปยังผู้ผลิตให้ใช้แนวคิดใหม่ในการผลิต รวมถึงการใช้และการจัดการกับพลาสติก ปรับโมเดลธุรกิจที่จะลดผลกระทบจากอุตสาหกรรมปลายทางต่อสินค้าและผลิตภัณฑ์ ที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ดีกว่าเดิม
หากเราไม่เปลี่ยนพฤติกรมการใช้พลาสติก ในอีก 10-15 ปีข้างหน้า การผลิตพลาสติกจะเพิ่มเป็น 2 เท่า แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะเพิ่มขึ้นเป็นอีกหลายเท่าตัว!
อนาคตของโลกใบนี้ อยู่ที่จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน? ถึงเวลาต้องเลือกแล้วล่ะ
อ้างอิง : Adsoftheworld, World Environment Day
