การปั่นจักรยานเป็นวัฒนธรรมของเดนมาร์ก และเมืองหลวงอย่างโคเปนเฮเกนก็เป็นเมืองที่เป็นมิตรกับจักรยานมากที่สุดในโลก แต่ปัญหาคือ หมวกกันน็อคไม่เคยได้รับความนิยมเท่ากับการปั่นจักรยาน และในเดนมาร์กก็ไม่มีกฎหมายกำหนดให้นักปั่นจักรยานสวมหมวกนิรภัย เพราะการบังคับให้สวมหมวกกันน็อคอาจเป็นการทำลายวัฒนธรรมจักรยานของเดนมาร์กได้ ดังนั้นการสร้างสรรค์แคมเปญรณรงค์การสวมหมวกนิรภัยในเดนมาร์กจึงต้องทำให้นักปั่นจักรยานตระหนักถึงความสำคัญของการสวมหมวกนิรภัยและยินยอมที่จะสวมหมวกเอง
สภาความปลอดภัยทางถนนของเดนมาร์กจึงออกคลิปสะกิดเตือนหยิกแกมหยอก ล้อเลียนผู้ที่ไม่ยอมสวมหมวกนิรภัย โดยหยิบยกไวกิ้งนักรบแห่งท้องทะเล บรรพบุรุษที่ชาวเดนมาร์คภาคภูมิใจในฐานะชนเผ่าที่มีความสามารถอันยอดเยี่ยมทั้งด้านการเดินเรือและการปกครองว่า การไม่ใส่หมวกนิรภัยก็หมือนนักรบไวกิ้งออกศึกใหญ่แต่ไม่สวมหมวกเกราะ คลิปพาเราย้อนกลับไปปี ค.ศ. 893 สเวนด์ หัวหน้าเผ่าไวกิ้งผู้น่าเกรงขาม ปลุกระดมคนของเขาให้ออกเรือเตรียมบุกอังกฤษ… เรือพร้อม ม้าพร้อม อาวุธพร้อม เสื้อเกราะพร้อม แต่ศรีษะของเขายังไม่พร้อม เพราะยังไม่มีหมวก ลูกรีบวิ่งนำหมวกเกราะมาให้พ่อออกรบ แต่ก็โดนปฏิเสธและยังเหวี่ยงกลับความหวังดีของคนที่อยากให้เขาสวมหมวกว่าหมวกมันน่ารำคาญ มันคัน ไม่ต้องห่วง เพราะเขาเป็นคนขี่ที่ระมัดระวังและการใส่หมวกมันก็ไม่เท่ เดี๋ยวศัตรูจะหัวเราะเยาะเอา แต่คนของเขาก็ยังขอร้องให้เขาใส่ จนสเวนด์ทนไม่ไหว สารภาพแบบโมโหว่า “มันทำลายผมเปียของฉัน!” โธ่เอ๊ย! ที่แท้นักรบไวกิ้งของเราก็กลัวไม่หล่อนี่เอง สุดท้ายผู้ที่สเวนด์เกรงกลัวที่สุดจนยอมสวมหมวกแต่โดยดีก็คือภรรยาของเขาเอง ในที่สุดสเวนด์จึงขี่ม้าออกเดินทางไปยังเรือมังกรเพื่อราวีกับข้าศึกแบบเต็มยศ พร้อมหมวกนิรภัยที่ช่วยปกป้องชีวิตของเขาให้กลับมาอย่างปลอดภัย กิมมิคให้คนดูอมยิ้มในตอนท้ายเรื่องเป็นอย่างไร เราอยากให้ดูกันเอง
หมวกนิรภัย มีมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรษ ไม่ว่าจะยุคไหน Helmet has always been a good idea เพราะการขับขี่พาหนะไม่ว่าจะม้าหรือจักรยาน และไม่ว่าจะเป็นนักรบผู้กล้าอย่างไวกิ้งผู้ยิ่งใหญ่หรือใครๆ ก็ตามล้วนมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดทั้งนั้น ข้ออ้างสารพัด สวมแล้วไม่เท่ ใส่แล้วคัน เดี๋ยวผมเสียทรง มันไม่คุ้มกับชีวิตที่อาจต้องสูญเสียเลย Danish road safety council
อ้างอิง: Cycling Magazine, Ads of the World