รู้กันดีอยู่แล้วว่ากรุงมะนิลานั้นขึ้นชื่อเรื่องชุมชนแออัดที่ก่อให้เกิดมลพิษ แต่อีกอย่างที่หลายคนอาจไม่รู้ก็คือ เมืองหลวงของฟิลิปปินส์แห่งนี้ยังเป็นแหล่งรวมศิลปินร่วมสมัยที่สร้างสรรค์ผลงานน่าสนใจออกมามากมาย ว่าแต่… สองเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกันยังไงน่ะเหรอ? ก็เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ กลุ่มศิลปินชาวฟิลิปปินส์ได้รวมตัวกันสร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมหันมาให้ความสนใจกับปัญหามลพิษทางน้ำในมะนิลา
โครงการนี้มีชื่อว่า Dirty Watercolor ซึ่งแน่นอนว่าต้องไม่ใช่นิทรรศการศิลปะธรรมดา แต่ในการสร้างสรรค์ผลงานภาพวาดแต่ละชิ้น ศิลปินได้นำเอาตัวอย่างน้ำเสียจากแม่น้ำสายต่างๆ ในมะนิลา เช่น Tullahan, Marikna, Taguig Estuary และคลอง Binondo เป็นต้น มาผ่านกระบวนการเพื่อสกัดเป็นสีสำหรับวาดรูป โดยโทนสีที่ได้ออกมาก็คือ สีเฉดดำ น้ำตาล และเทา ส่วนภาพที่กลุ่มศิลปินเลือกที่จะใช้สีเหล่านั้นวาดก็เป็นรูปวิถีชีวิตของชาวชุมชนริมน้ำ เช่น ภาพเด็กกระโดดน้ำในแม่น้ำ Pasig และเด็กอีกสองคนที่ลอยอยู่บนแผ่นโฟมท่ามกลางแม่น้ำที่เน่าเสีย โดยในการทำงานนั้น กลุ่มศิลปินได้วาดภาพต่อมาจากภาพถ่ายของ JC Vargas ที่เริ่มต้นออกถ่ายภาพชีวิตริมน้ำ ก่อนจะส่งต่อให้กลุ่มศิลปินนักวาด และหลังจากนำไปจัดแสดง ภาพทุกภาพที่ขายได้ก็จะนำรายได้ไปมอบให้กับ Lingkod Kapamilya Foundation
สิ่งที่หลายๆ คนอยากรู้ในที่นี้น่าจะเป็นคำถามว่า แล้วสีที่ได้จากน้ำเสียเหล่านั้นเป็นอย่างไร? คำตอบก็คือ แม้ทางกลุ่มศิลปินจะนำเอาตัวอย่างน้ำเสียเหล่านั้นมาผ่านกระบวนการเพื่อขจัดของเสียออกแล้วก็ตาม แต่เมื่อนำไปใช้วาดรูป ตัวสีนั้นก็ยังคงส่งกลิ่นเหม็น และกลิ่นก็ยังคงอบอวลจนกว่าภาพนั้นจะแห้งเลยทีเดียว เรื่องกลิ่นของสีนี้เองที่แม้ผู้ชมที่จะได้ไปชมนิทรรศการ Dirty Watercolor ที่จะจัดที่ Rockwell Center ในย่าน Makati ของกรุงมะนิลา ในวันที่ 24-25 พฤษภาคม 2560 นี้ จะไม่สามารถรับรู้ได้ (เพราะสีแห้งไปแล้ว กลิ่นก็หายไปด้วย) แต่กระบวนการสร้างสรรค์ที่กลุ่มศิลปินเผยออกมาให้ทราบนี้ก็น่าคิด เพราะขนาดเอาน้ำไปสกัดของเสียออกแล้วก็ยังมีกลิ่นตกค้าง แล้วน้ำเสียในแม่น้ำที่ประชาชนหลายคนอาศัยอยู่นั้นจะสกปรกแค่ไหน และมันจะยังสายไปไหมถ้าเราจะช่วยกันฟื้นฟูรักษาแหล่งน้ำเหล่านี้ขึ้นมา
อ้างอิง : ABS-CBN Lingkod Kapamilya Foundation, UFUNK
