ในขณะที่โลกยังถูกคุกคามด้วยโควิด-19 แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์หรือความหวังของมวลมนุษยชาติในเวลานี้ก็คงไม่พ้นการหวังว่าจะได้รับ ‘วัคซีนต้านโควิด’ ซึ่งในขณะนี้วัคซีนยังอยู่ในในระยะอุปสงค์สูง-อุปทานต่ำ ในประเทศที่ร่ำรวยมีรายได้สูง ซึ่งคิดเป็น 14% ของคนทั้งโลกกลับถือครองวัคซีนมากถึง 53% โดยที่มีบางประเทศสั่งจองวัคซีนเพียงพอและอาจมากกว่าความต้องการของคนทั้งประเทศไปแล้ว แต่ในทางกลับกัน ประเทศที่ยากจน การเข้าถึงวัคซีนเป็นเรื่องยากลำบาก ประชากรเกือบ 70 ประเทศที่มีรายได้ต่ำอาจมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 เพียง 10% ของทั้งหมด
ยูนิเซฟ หรือ องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศนอร์เวย์ เผยแพร่ภาพโฆษณาชุด Don’t let the vaccine become a luxury “อย่าให้วัคซีนโควิด-19 กลายเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเอื้อมไม่ถึง” สื่อถึงความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงวัคซีนต้านโควิด-19 โดยใช้ภาพลักษณะเหมือนโฆษณาสินค้าลักซ์ชัวรี่หรือสินค้าหรูราคาแพง แบบเครื่องประดับ นาฬิกา หรือน้ำหอม แต่สินค้าที่ตัวแบบถือเป็นวัคซีนต้านโควิด-19 แสดงให้เห็นว่า วัคซีนโควิด-19 ณ ตอนนี้ กำลังเป็นของแพงที่คนรวยเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ครอบครอง
เพราะวัคซีนควรเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ ไม่ใช่เฉพาะแค่คนรวย หากคนยากจนซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ไม่ได้รับวัคซีน จะไม่มีใครที่ไหนในโลกปลอดภัยจากโรคโควิด-19 ร้อยเปอร์เซ็นต์ และกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเมื่อผู้ดูแลของพวกเขาติดเชื้อโควิด-19 คือเด็กๆ ซึ่งยูนิเซฟขอเชิญชวนให้ทุกคนเข้าร่วมเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนแคมเปญวัคซีนที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยการบริจาค ซึ่งจุดมุ่งหมายของยูนิเซฟคือการแจกจ่ายวัคซีนสองพันล้านโดสในประเทศยากจนและประเทศที่กำลังพัฒนา เส้นทางของวัคซีนในการเข้าถึงกลุ่มประชากรเป้าหมายในประเทศยากจนก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ต้นทุนทั้งบุคลากรและทรัพยากรสูง วัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคและวัคซีนจากมาเดอร์นามีราคาที่ค่อนข้างแพงและจำเป็นต้องถูกเก็บรักษาในตู้แช่ที่มีความเย็นจัดเพื่อรักษาประสิทธิภาพของวัคซีน การดำเนินการขนส่งวัคซีนที่ต้องได้รับความร่วมมือจากสายการบินและบริษัทขนส่งกว่า 350 แห่ง ยังไม่นับรวมถึงความยากลำบากในการเข้าถึงพื้นที่ห่างไกล ซึ่งภารกิจจะสำเร็จต้องอาศัยเงินบริจาคจากทุกคนโดยเฉพาะจากประเทศที่ร่ำรวย
ปัญหาความเหลื่อมล้ำของวัคซีนเป็นปัญหาที่มีมานานแล้วตั้งแต่ วัคซีนไข้ทรพิษและโปลิโอ กว่าวัคซีนหรือยารักษาโรคที่คิดค้นได้ใหม่จะเดินทางมาถึงประเทศกำลังพัฒนา ประเทศร่ำรวยก็ต้องได้รับวัคซีนกันถ้วนหน้าเสียก่อน บัตรคิวของประเทศยากจนจะเป็นบัตรคิวสุดท้าย ความเป็นจริงคือ ถึงแม้ประเทศรำ่รวยจะฉีดวัคซีนป้องกันประชากรของตัวเองได้ทั้งหมด แต่ประชาชนส่วนใหญ่ในหลายภูมิภาคยังไม่ได้วัคซีน โควิด-19 ก็จะยังระบาดอยู่ต่อไป และยากที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวกลับ และนั่นก็ส่งผลกระทบต่อประเทศร่ำรวยอยู่ดี
เป็นวงจรอุบาทว์ที่สุดท้ายก็วนผลกระทบกลับมาสู่ทุกคนอย่างเท่าเทียม
https://www.youtube.com/watch?v=W8dbJxT78RI
อ้างอิง: www.adforum.com, www.theguardian.com, www.unicef.no