‘Lifeboat: ชีวิตล่องลอย’ ความฝันที่ไร้ฝั่งฝาของผู้ลี้ภัยที่ไร้จุดหมาย

ท่ามกลางมหาสมุทรเมดิเตอร์เรเนียน ปฏิบัติการของอาสาสมัครชาวเยอรมันกลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางไปกลางท้องน้ำอันเวิ้งว้าง เพื่อช่วยเหลือชีวิตของเพื่อนมนุษย์กลุ่มหนึ่งที่กำลังรอคอยความหวัง ชาวลิเบียหลายร้อยคนกำลังลอยคว้างอยู่ในเรือกลางมหาสมุทรด้วยหวังว่าจะรอดพันชะตากรรมอันโหดร้าย ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะผ่านพ้นชะตากรรมนั้นไปได้สมดังใจ

Lifeboat เป็นหนังสารคดีเรื่องที่สองต่อเนื่องจาก 50 Feet from Syria และอยู่ในโครงการหนังสามเรื่องที่ต้องการบอกเล่าถึงวิกฤติของผู้ลี้ภัยในแอฟริกาเหนือ ผลงานผู้กำกับฯ Skye Fitzgerald ภายใต้การสนับสนุนของสตูดิโอ Spinfilm หนังสารคดีทุนต่ำความยาว 34 นาทีเรื่องนี้จึงนำเราไปสู่โศกนาฏกรรมของเพื่อนมนุษย์อย่างใกล้ชิด ทีมงานค่อยๆ เก็บภาพและลงพื้นที่ใช้เวลานับปีไปกับการสำรวจ สถานการณ์ของผู้ลี้ภัยชาวลิเบียที่กำลังเผชิญปัญหาความรุนแรง และภัยจากสงครามกลางเมืองภายในประเทศ จนต้องตัดใจทิ้งบ้านเกิดเพื่อไปตายเอาดาบหน้า พวกเขาเดินทางไปสู่ประเทศในทวีปยุโรป หลายคนโชคร้ายต้องตายกลางทะเลเพราะโรคภัย และขาดแคลานอาหาร นอกจากจะกวาดรางวัลมามากมายในปี 2018 แล้ว Lifeboat ยังได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาหนังสารคดีประจำปี 2019 นี้ด้วย

สถานการณ์สงครามกลางเมืองในลิเบียก็คล้ายกับอีกหลายประเทศในแถบแอฟริกาเหนือที่ประชาชนลุกขึ้นต่อต้านอำนาจเผด็จการของผู้ปกครองที่ครองอำนาจต่อเนื่องยาวนานเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่าอาหรับสปริง (Arab Spring) ตั้งแต่ปี 2011 จนเกิดการปราบปรามโดยรัฐและกลายเป็นสงครามกลางเมืองในที่สุด ภายใต้สถานการณ์การสู้รบนั้น ยังมีการแทรกแซงจากอำนาจภายนอกประเทศ กลุ่มประเทศมหาอำนาจต่างๆ สร้างปัญหาทับซ้อนที่ยากจะคลี่คลายลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นประชาชนตาดำๆ จำนวนมากก็ตกเป็นผู้รับเคราะห์ ภายในเรือน้อยลำหนึ่งที่อัดแน่นไปด้วยชีวิตมากมายมาย หลังจากได้รับการช่วยเหลือพวกเขาให้สัมภาษณ์ ระบายความความรู้สึกและหนทางที่ตนเองเลือก บางคนต้องยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐข่มเหง รังแก ทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อจะได้หนีออกจากประเทศได้ และบางคนยอมขึ้นเรือมาทั้งๆ ที่ว่ายน้ำไม่เป็น และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้างหน้า นี่เป็นภาพแห่งความเศร้าที่ไม่อาจนิ่งเฉยหรือปล่อยไว้อย่างว่างเปล่า

Lifeboat จึงทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงของคนเหล่านั้นเรียกร้องให้ปะชาคมโลกร่วมกันหาทางแก้ไขเยียวยา เพราะความเป็นเพื่อนมนุษย์ที่แท้นั้นไม่ได้แบ่งเขตแดนด้วยเชื้อชาติภาษา หากแต่อยู่ที่ความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน อาจบางทีความฝันที่พวกเขาตามหาอยากให้เกิดขึ้นภายในประเทศ ก็เป็นฝันเดียวกันกับอีกหลายประเทศต้องการและจะช่วยจรรโลงโลกให้พบกับสันติสุขด้วยเช่นกัน

อ้างอิง: www.lifeboatdocumentary.com, www.shortoftheweek.com

วรัญญู อุดมกาญจนานนท์

Art may not be the only way to brighten the world, but it is essential to create a beautiful life. รักงานสร้างสรรค์อิสระ...งานเขียนเป็นหนึ่งในนั้น เพราะตัวหนังสือคือความคิดที่เชื่อมโลกกับเราไว้ด้วยกัน

See all articles

Next Read

I Hope This Help: เรื่องเล่าของเรา ช่วยเขาบรรเทาใจ

Toxic Beauty: พิษความงาม