แม้ว่าโรคระบาดที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้จะเป็นเรื่องสำคัญ แต่อีกปัญหาหนึ่งที่จะลืมไปไม่ได้เลยก็คือเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาขยะที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งหน้ากากอนามัยใช้แล้ว และอุปกรณ์ใส่อาหารที่ทำจากพลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง เพราะในขณะที่เราใช้สิ่งเหล่านี้อย่างทิ้งขว้างเพื่อปกป้องสุขภาพร่างกายของเรา ขยะที่ตกค้างอยู่ตามธรรมชาติก็สามารถทำร้ายสัตว์โลกชนิดอื่นๆ ได้เช่นกัน ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วปัญหาที่ว่าก็จะย้อนกลับมาสู่มนุษย์อยู่ดี
Louis Masai เป็นศิลปินอีกคนที่สนใจเกี่ยวกับปัญหานี้ ที่ผ่านมาเขาสร้างสรรค์โปรเจ็กต์หลายอันที่ใช้ศิลปะรณรงค์ให้ผู้คนได้ตระหนักถึงความสำคัญของสัตว์นานาชนิด และได้รับรู้ว่าปัจจุบันมีสัตว์โลกถึง 23,250 สายพันธุ์ที่กำลังถูกคุกคามและตกอยู่ในอันตราย และอาจเป็นไปได้ว่า 2 ใน 3 ของสายพันธุ์ทั้งหมดอาจสูญพันธุ์ภายในสิ้นศตวรรษนี้ หากเรายังไม่ช่วยกันดูแลรักษาชีวิตพวกเขา อย่างเช่น โปรเจ็กต์ ‘Endangered 13’ ในปี 2016 ที่ Masai รับหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์และชวนเพื่อนๆ ศิลปินอีก 12 ชีวิต มาสร้างสรรค์จิตรกรรมขนาดใหญ่เกี่ยวกับสัตว์เหล่านี้บนผนังอาคารใน East London
ล่าสุดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา Masai ก็ทำงานที่คล้ายกับ ‘Endangered 13’ ออกมาอีก แต่เป็นผลงานจิตรกรรมขนาดใหญ่บนผนังอาคารในลอนดอนของเขาเพียงคนเดียว โดยตามเอกลักษณ์ที่เด่นชัดในผลงานของเขา เรายังคงได้เห็นรูปสัตว์นานาชนิดประกอบขึ้นจากลวดลายต่างๆ เช่น ลายเส้น ลายดอกไม้ ลายผลไม้ ฯลฯ ที่วาดออกมาเป็นบล็อคๆ และเอาแต่ละบล็อคมาต่อกันจนกลายเป็นรูปสัตว์ นอกจากนั้นที่ยังคงปรากฏอยู่ให้เห็นไม่ขาด ก็คือสีสันสดใสและสไตล์การวาดภาพแบบกราฟิกที่เป็นอีกลายเซ็นที่ชัดเจนของเขา
ควบคู่กับรูปสัตว์ชนิดต่างๆ Masai ยังเขียนข้อความสั้นๆ บ่งบอกถึงสายพันธุ์ของสัตว์ชนิดนั้นๆ ให้ผู้ชมได้รู้จัก รวมทั้งมีรายละเอียดบางอย่างแนบไว้ เช่น จำนวนประชากรของสัตว์ชนิดนั้นที่เหลืออยู่ หรือข้อความรณรงค์ให้ช่วยกันรักษาชีวิตของพวกเขา
นอกจากนั้น ลูกเล่นอีกอย่างที่พบในงานครั้งนี้ของเขาก็คือ รูปตัวผึ้งที่ถือเข็มเย็บผ้าอยู่ใกล้ๆ เจ้าสัตว์ที่น่าสงสาร โดยผึ้งดังกล่าวเป็นตัวแทนของข้อความที่ศิลปินต้องการบอกว่า จิตรกรรมของเขาใช้เทคนิคปะต่อ (patchwork) เหมือนการเย็บผ้า แต่ในขณะเดียวกัน ชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์เหล่านี้ก็กำลังมีบางอย่างที่ผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติ และต้องการการซ่อมแซมฟื้นฟู (เย็บซ่อม) ก่อนที่อะไรๆ จะสายเกินไป
อ้างอิง: www.louismasai.com, www.mymodernmet.com
