แม้การรณรงค์เพื่อสร้างสรรค์โลกที่ดีกว่าจะเป็นกระแสอยู่ ทว่าไม่นานนักความตื่นตัวต่อปัญหานั้นก็จะค่อยๆ จางไป ความกระตือรือร้นของหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนทั้งหลายก็พากันเงียบเฉยดังประโยคที่ เกรด้า ธันเบิร์ก กล่าวไว้ในตอนต้นเรื่องของหนังสารคดีเรื่องนี้ว่า “ทุกที่ที่ฉันไปเยือน สถานการณ์เหมือนกันไม่มากก็น้อย ผู้มีอำนาจมีคำพูดสวยหรูเหมือนเดิม จำนวนและนักการเมืองที่อยากจะเซลฟีกับเราก็เหมือนเดิม คำสัญญาว่างเปล่าเหมือนเดิม คำโกหกก็เหมือนเดิม และการนิ่งเฉยก็เป็นเช่นเดิม” เช่นเดียวกันกับ เมลาตี ไวจ์เซน เยาวชนนักกิจกรรมชาวอินโดนีเซีย เธอกับน้องสาวร่วมกันรณรงค์ต่อต้านการใช้ถุงพลาสติกมากว่า 6 ปี แล้วพบว่าความเปลี่ยนแปลงเกิดช้าเกินไป ด้วยความกังวลนี่เองที่ผลักให้เธอเดินทาง บางทีเธออาจต้องการเพิ่มเติมประสบการณ์ และทำให้รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นนักต่อสู้ที่โดดเดี่ยว นี่คือภาพการเดินทางของเธอในสารคดีเรื่อง Bigger Than Us
ทั่วทุกมุมโลกล้วนมีเยาวชนนักกิจกรรมที่ลุกขึ้นต่อสู้เพื่อสังคมที่ดีกว่า โดยที่พวกเขาไม่เป็นข่าว เมลาตีหวังว่าการได้พบปะกลุ่มคนที่มีแนวคิดเดียวกันพร้อมกับช่วยกระจายเรื่องราวของพวกเขานั้น จะเป็นสายใยพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงสังคมให้แข็งแกร่งมากขึ้น แล้วเราก็ได้รู้จักกับอีกคนที่น่าสนใจ โมฮาเหม็ด หนุ่มชาวซีเรีย อายุ 18 ปี ผู้อพยพลี้ภัยการเมืองมาตั้งแต่อายุ 12 ปี เขาอาศัยอยู่ในเลบานอนและได้สร้างโรงเรียนสอนหนังสือเด็กในศูนย์อพยพขึ้น ด้วยเชื่อว่าการศึกษาจะช่วยนำพาพวกเขาไปสู่อนาคตที่ดีกว่า, เมมโมรี หญิงสาวมาลาวี วัย 22 ปี กำลังเรียกร้องให้มีการแก้กฎหมายเพื่อหยุดยั้งประเพณีที่ด้อยค่ามนุษย์และกดขี่ทางเพศ การข่มขืน ซึ่งเด็กผู้หญิงมากมายถูกพ่อแม่จับแต่งงานเพียงเพื่อแลกกับเงิน และกลายเป็นปัญหาแม่ตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร, เรเน่ เด็กหนุ่มวัย 25 ปี จากบราซิล อาศัยในชุมชนแออัด และมีความมุ่งมั่นจะทำหนังสือพิมพ์เพื่อกระจายข่าวที่เป็นกลาง ไม่ใช่เครื่องมือของภาครัฐหรือนายทุนที่กดทับคนยากจนและเหยียดสีผิว, ซูเทสคาล หนุ่มวัย 19 ปี ชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดียน ผู้รณรงค์ต่อต้านการตัดไม้ทำลายธรรมชาติและกลุ่มธุรกิจขุดเจาะน้ำมันโดยไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม, แมรี่ ฟินน เด็กสาววัย 22 ปี ชาวกรีกผู้เป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเสี่ยงตายข้ามพรมแดนทางทะเลจากตุรกี และ วินนี่ หญิงสาวชาวอูกันดา อายุ 25ปี ผู้สอนวิธีการเพาะปูลกด้วยแนวทางธรรมชาติปราศจากการพึ่งพาสารเคมีให้กับศูนย์ผู้อพยพชาวแอฟริกาเพื่อการยังชีพของพวกเขา กิจกรรมทั้งหลายของเยาวชนนักต่อสู้เหล่านี้สะท้อนความรู้สึกรับผิดชอบต่อสังคมและเป็นกำลังที่จะผลักดันให้โลกก้าวไปข้างหน้าท่ามกลางอุปสรรคที่กว้างใหญ่
สารคดีเรื่องนี้กำกับฯ และเขียนบทโดย ฟลอเร วาสเซอร์ และมิลาตีร่วมเขียนบทเรื่องราวนักกิจกรรมทั้งหลายผ่านการเดินทางของเมลาตีพร้อมกับการแลกเปลี่ยนแนวคิด แรงบันดาลใจให้แก่กัน และท้ายสุดการได้เห็นความมุ่งมั่นของเยาวชนเหล่านี้จะช่วยส่งพลังมาให้ผู้ชมด้วย บางปัญหาของเราที่รู้สึกยากที่จะแก้ไข ไม่ใช่เพราะปัญหานั้นใหญ่เกินไปแต่อาจเป็นเพราะเราไม่กล้าพอที่จะแก้ หรือมองข้ามพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าซึ่งซ่อนอยู่ภายใจจิตใจเรา เพียงแค่รอให้เราจุดประกายมันขึ้นมาแล้วแผ่พลังนั้นออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น
อ้างอิง: biggerthanus.film, www.imdb.com, vipa.me
