Ecoproject ลดทอนดีไซน์ ลดการใช้สี ลดค่าพิมพ์ รักษ์สิ่งแวดล้อม

“ทุกๆ การสร้างสรรค์ที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบแบรนด์มักจะส่งผลโดยตรงต่อสิ่งแวดล้อมเสมอ เมื่อคุณดีไซน์โลโก้ออกมาสักชิ้น ยิ่งสำหรับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ นั่นก็หมายความว่าคุณกำลังวาดโลโก้นั้นเป็นล้านๆ ครั้ง เพราะมันจะถูกผลิตซ้ำๆ ในหลักล้านหรือพันล้าน แล้วยังมาในทุกฟอร์แมตอีก ซึ่งทั้งเงิน ทั้งธรรมชาติต้องถูกรบกวนแน่อยู่แล้ว”

Sylvain Boyer (ซิลแวง โบเยร์) นักออกแบบชาวฝรั่งเศสเริ่มสร้างโปรเจ็คต์ส่วนตัวเล็กๆ ของเขาในนาม Ecoproject เพื่อลดโอกาสการเกิดขึ้นของสิ่งที่เขาอ้างถึงข้างต้น จริงๆ แล้ว ไอเดียของ Ecoproject เกิดขึ้นหลังจากที่เขาออกแบบการ์ดวันเกิดให้กับลูกสาวคนแรก ในปี 2013 และค้นพบว่า การ์ดสีสันสวยงามบนหน้าจอคอมที่เขาบรรจงสร้างสรรค์นั้นมีค่าพิมพ์ที่แพงหูฉี่ เขาเลยลองลดทอนดีไซน์เดิมให้ใช้จำนวนสีน้อยลง ผลที่เกิดขึ้นคือ ราคาค่าพิมพ์ลดลง แถมยังปลอดภัยกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย

โลโก้ของบรรดาบิ๊กเนมของโลกอย่าง McDonald’s, Starbucks, Coca-Cola, H&M, FedEx, Nike, LOUIS VUITTON ถูก Sylvain นำมารีดีไซน์ใหม่ แน่นอนว่าโครงสร้างเดิมไม่ได้ถูกรื้อจนหายเกลี้ยง เพราะหลักการทำงานของดีไซเนอร์ฝรั่งเศสคนนี้คือทุกโลโก้ที่เกิดขึ้นจะต้องสร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์ได้ดังเดิม ไม่รบกวนสิ่งแวดล้อม และประหยัดเงินในกระเป๋า โดยงานที่ Sylvain ออกแบบนั้นสามารถลดปริมาณการใช้หมึกพิมพ์ไปได้ราว 10-39% ยกตัวอย่างเช่น CocaCola ที่ประหยัดหมึกได้ 13.25% FedEx 18.19% H&M 23.96% Nike 24.33% และ Starbucks 38.57% เป็นต้น

แม้ว่าจะเป็นสัญญาณที่ดีที่แนวคิดเรื่องผลกระทบจากการผลิตสิ่งพิมพ์ถูกให้ความสำคัญมากขึ้น ทั้งการเห็นสตูดิโอออกแบบสัญชาติดัตช์อย่าง SPRANQ ที่ดีไซน์ eco font ของ Sans Serif โดยเพิ่มรูเข้าไปในตัวฟอนต์เพื่อลดการใช้หมึกจากปริ้นเตอร์ ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายหมึกพิมพ์ได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ หรือการที่ผู้ผลิตพยายามผลิตตลับหมึกให้สามารถนำมารีไซเคิลได้ แม้แต่เครื่องพิมพ์ราคาแพงที่เคลมว่าจะช่วยให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น แต่ปริมาณหมึกพิมพ์นั้นก็ยังถูกใช้อย่างฟุ่มเฟือยในระดับมหาศาลกว่านั้นมาก

Customer Reports เคยเปิดเผยตัวเลขคร่าวๆ ในช่วงปี 2013 ว่าหมึกพิมพ์นั้นมีราคาอยู่ที่ $13-$75 (ราวๆ 400-2,400 บาท) ต่อออนซ์ หรือ $1,664-$9,600 (ราว 52,000-300,000 บาท) ต่อแกลลอน ซึ่งนับเป็นผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำที่มีราคาแพง ขนาดที่ว่ามีการจัดอันดับให้หมึกพิมพ์ (โดยเฉพาะสีดำ) รั้งอันดับ 8 ใน 10 ของผลิตภัณฑ์ประเภทของเหลวที่แพงที่สุดในโลกกันมาแล้ว

ถ้ายังไม่เห็นภาพว่ามันส่งผลกระทบขนาดไหน คุณลองจินตนาการดูจากปริมาณการใช้งานของแก้วกระดาษ Starbucks ที่ถูกใช้ไปกว่า 670 ล้านถ้วยต่อปี แต่ละถ้วยใช้ปริมาณหมึกโดยเฉลี่ย 0.6 มิลลิลิตร ซึ่งหาก Ecobranding สามารถลดการใช้หมึกไปได้ 38% อย่างที่ Sylvain Boyer เคลมไว้ หมึกที่ใช้บนถ้วยก็จะเหลือแค่เพียง 0.0228 มิลลิลิตร ต่อถ้วย ซึ่งนั่นทำให้ประหยัดหมึกพิมพ์ไปได้ถึง 4,000 แกลลอนต่อปี

แม้ Ecoproject จะเป็นการเสนอแนวทางการประหยัดเพียงส่วนเล็กๆ แต่ความเล็กน้อยเมื่อถูกรวมเข้าด้วยกันจากการบริโภคของคนทั้งโลก หรือยิ่งกับแบรนด์ใหญ่ระดับโลกที่ตราสัญลักษณ์ของพวกเขาต้องประทับลงบนทุกบรรจุภัณฑ์ เมื่อปริมาณหมึกถูกลดทอนลงได้ นอกจากจะช่วยลดต้นทุนการผลิตและการใช้หมึกพิมพ์ รวมทั้งยังสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่แบรนด์แล้ว มันยังส่งผลต่อเนื่องไปยังการประหยัดพลังงานที่ต้องใช้ในการสั่งพิมพ์ ซึ่งแน่นอนว่าคนและสิ่งแวดล้อมก็ได้รับผลกระทบน้อยจากกระบวนการทั้งหมดทั้งมวลนี้น้อยลงไปได้เช่นกัน




อ้างอิง: Ecobranding-Design

สุดาพร จิรานุกรสกุล

อดีตบรรณาธิการบทความนิตยสาร art4d magazine ปัจจุบันเป็นนักเขียนอิสระให้กับนิตยสารออนไลน์ด้านสถาปัตยกรรม ออกแบบ ศิลปะ สังคม และสุขภาพ ควบคู่ไปกับการสอนโยคะ พิลาทิส และติ๊กตอกเกอร์ดาวรุ่ง

See all articles