คนไทย “ติดหวาน” ถึงจะรู้ว่าหวานนักมักตามมาด้วยความเสี่ยงด้านสุขภาพ แต่ด้วยความหวานที่มาพร้อมความอร่อย สดชื่น ยิ่งบ้านเราอากาศร้อน ถ้าได้กินอะไรหวานๆ เย็นๆ ก็ยิ่งช่วยให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า เช่น กาแฟเย็น ชานมไข่มุก
เมื่อต้านทานความอยากไม่ได้ ทำให้หลายคน หาทางออกโดยการสั่ง “หวานน้อย” แต่ความหวานของเราไม่เท่ากัน เพราะหวานน้อยของแต่ละร้านนั้นก็แล้วแต่สูตรใครสูตรมัน ซึ่งเฉลี่ยแล้วสูตรเดิมของแต่ละร้านจะอยู่ที่ประมาณ 10 ช้อนชา แม้ปริมาณความหวานจะลดลง 50% – 75% แต่น้ำตาลที่ได้รับก็อาจจะอยู่ที่ 4 – 5 ช้อนชา/แก้ว หากสั่งเครื่องดื่มวันละ 2 แก้ว ก็หมดโควต้าน้ำตาลที่ร่างกายจะรับได้แล้ว และในความเป็นจริง แต่ละวันเรายังต้องกินยังอาหารและขนมอื่นๆ ซึ่งมีน้ำตาลซ่อนอยู่เต็มไปหมด จนอาจทำให้ร่างกายได้รับน้ำตาลเกินเกณฑ์ได้
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. จึงสร้างสรรค์แคมเปญรณรงค์ “ลดหวาน ลดโรค” เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลดการกินหวานของคนไทย ไม่ใช่แค่เพื่อตอกย้ำให้ตระหนักถึงภัยร้ายจากความหวานเท่านั้น แต่แคมเปญนี้ยังมาพร้อมกับคำแนะนำใหม่ คือ สั่งหวานน้อย ไม่เกิน 2 ช้อนชา ผ่านเกณฑ์ความหวาน 5 ระดับ ด้วยการส่งคลิปโฆษณา 2 เรื่องสะท้อนแนวคิดเกณฑ์ความหวานใหม่ แนะให้คนไทยสั่งหวานน้อย ไม่เกิน 2 ช้อนชา ด้วยไอเดียการเล่าเรื่องที่สนุก เข้าใจง่าย ตามสไตล์การเล่าเรื่องของ สสส.
เรื่องแรก “ไม่ว่ารีบแค่ไหน ก็อย่าลืมสั่ง” แม้ว่าจะโดนทักผิดว่าเหมือนลิซ่าคนดัง จนติ่งวิ่งตามชุลมุน แต่เมื่อจะสั่งเครื่องดื่มเย็นสุดโปรดอย่างลาเต้เย็น ก็ต้องสั่งหวานน้อยไม่เกิน 2 ช้อนช้า เรื่องที่สอง “เบลอแค่ไหน” ถึงจะร้อนจนโหยหวาน ก็ยังไม่เบลอจนลืมเบอร์ความหวานระดับน้อย ตามเกณฑ์ความหวานที่แนะนำ
เกณฑ์ใหม่นี้ช่วยสร้างมาตรฐานระดับความหวานน้อยใหม่ เพื่อช่วยลดปริมาณน้ำตาลที่จะได้รับ ที่อาจยากสำหรับคนที่ติดรสชาติหวาน แต่ถ้าทำติดต่อกัน 21 วัน ร่างกายจะค่อยๆ เรียนรู้ ลิ้นจะคุ้นชิน แล้วปรับการรับรสระดับความหวานตามได้ในที่สุด ซึ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพแน่นอนในที่สุดเช่นกัน
หลังจากทุกคนดูหนังโฆษณาจบ พร้อมการประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์อย่างเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ทำให้เกิดการรับรู้และเข้าใจถึงเกณฑ์ระดับความหวานนี้ และสามารถนำการสั่งหวานระดับ 2 ไปปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวันได้ไม่ยาก
