Literature vs Traffic เปลี่ยนการจราจรแออัดให้เป็นถนนสายวัฒนธรรมและการอ่านหนังสือ

บนถนนสายหนึ่งถูกออกแบบมาเพื่อการสัญจรโดยแบ่งพื้นที่ให้ผู้คนในสังคมได้ใช้ร่วมกัน ซึ่งมีทางเท้าและพื้นถนนสำหรับรถรา ดูจะเหมาะสมแต่ทว่าการใช้รถของผู้คนเหมือนจะกินพื้นที่มากกว่าที่สายตาเห็น ลองคิดดูว่าระหว่างสองเท้าก้าวเดินกับเครื่องยนต์ที่ปล่อยมลพิษทั้งเสียงและควันไปในบรรยากาศอะไรที่ล้ำเส้นสภาพแวดล้อมมากกว่ากัน และในด้านความรู้สึกอันไหนทำให้รู้สึกแย่กับสภาพสังคม ชุมชน ทุกคนมีคำตอบในใจแล้วซึ่งนี่เป็นหนึ่งไอเดียที่ทำให้ศิลปินคิดงานแสดงทางศิลปะสู่สาธารณะบนถนน ซึ่งอาจจะเป็นเพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ถนนจะว่างเว้นจากการทำลายสิ่งแวดล้อม กลายมาเป็นเส้นทางแห่งวัฒนธรรมรักการอ่าน ผลงานของกลุ่มศิลปินชาวสเปนที่เรียกตัวเองว่า Luzinterruptus นำเสนอรูปแบบประติมากรรม Literature vs Traffic บนท้องถนนแนวอินสตอลเลชั่น ด้วยหนังสือมากมายเป็นหมื่นเล่มที่ได้รับการบริจาค เอามาวางเรียงบนท้องถนนประดับหลอดไฟ LED สร้างความสว่างไสวไปทั่วถนน ซึ่งเป็นการเปิดพื้นที่ให้ผู้รักการอ่านแล้วปิดการจราจรที่แออัดที่เห็นกันคุ้นตาอยู่ทุกวันลงชั่วคราว

งานแสดงนี้เคยจัดมาแล้วหลายเมืองสำคัญ ทั้งใน นิวยอร์ก, มาดริด, เมลเบิร์น, โตรอนโต ในเทศกาลงานศิลปะประจำปี Nuit Blanche ล่าสุดเขามาจัดกันที่ถนนสายหลักในเมืองแอนน์ อาร์เบอร์ รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ปี 2018 ที่ผ่านมา ซึ่งในคืนแห่งการจัดงานนั้น ผู้มาร่วมชมสามารถนำหนังสือเก่ามาแลกหรือจะเลือกเล่มที่ถูกใจกลับบ้านได้ เป็นการรีไซเคิลหนังสือไปในเวลาเดียวกัน  กลุ่มศิลปินเลือกแสดงงานที่นี่เพราะ นอกจากจะเป็นเมืองที่มีคนรักหนังสือมากมายแล้ว ยังมีพื้นที่ติดอยู่กับเมืองดีทรอยต์ ซึ่งเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ของประเทศ และสิ่งที่น่าประทับใจก็คือหนังสือทั้งหมดบนถนนนั้นหมดเกลี้ยงไปไม่ถึงสองชั่วโมงก่อนเที่ยงคืนของวันนั้น

โลกเติบโตไปอย่างรวดเร็ว บนถนนสายอุตสาหกรรมที่กำลังทิ้งความใส่ใจในเรื่องจิตใจของคนไว้ข้างหลัง ซึ่งแหล่งรวมรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุณค่าทางใจของคนเราก็ล้วนอยู่ในหนังสือ หรือบางทีเราอาจต้องทบทวนตัวเองกันบ้างว่าหลงติดในโลกแห่งวัตถุกันมากเกินไปหรือเปล่า พวกเขาเชื่อว่าแม้จะมีเวลาไม่กี่ชั่วโมงที่มลพิษทางเสียงและฝุ่นในอากาศหายไปจากถนน ยอมจำนนที่โลกแห่งจินตนาการและผู้รักการอ่าน ก็ยังมีความหมายพอที่จะประกาศชัยชนะทางวัฒนธรรม ส่งสารไปเตือนใจผู้คนในสังคมได้ แม่น้ำสายวรรณกรรมนี้ไม่เคยทำลายโลกอย่างที่เครื่องจักรทั้งหลายกำลังเป็นอยู่ และพร้อมจะเป็นแหล่งวัตถุดิบที่เติมเต็มการสร้างสรรค์ให้กับโลกต่อไป

อ้างอิง: www.luzinterruptus.com, inhabitat.com

วรัญญู อุดมกาญจนานนท์

Art may not be the only way to brighten the world, but it is essential to create a beautiful life. รักงานสร้างสรรค์อิสระ...งานเขียนเป็นหนึ่งในนั้น เพราะตัวหนังสือคือความคิดที่เชื่อมโลกกับเราไว้ด้วยกัน

See all articles