เห็นผลงานของศิลปินคนนี้แล้วอดนึกถึง Banksy ไม่ได้ แต่ในขณะที่ Banksy ใช้กราฟิตี้เบาๆ มาต่อยหนักๆ Blu กลับใช้งานเพนต์ผนังอาคารขนาดมหึมาอลังการงานสร้าง หรือที่เรียกว่า epic scale mural มากัดเจ็บๆ ถึงหลายประเด็นในสังคม ตั้งแต่เรื่อง ทุนนิยม การเมือง ไปจนถึงสิ่งแวดล้อม
Blu ทำงานกราฟิตี้มาตั้งแต่ปี 1999 โดยเริ่มจากการตระเวนเพนต์ตามเขตเมืองเก่าและชานเมืองของ Bologna ในอิตาลีบ้านเกิด แต่ในขณะนั้นเขายังคงใช้เทคนิคสีสเปรย์เหมือนๆ กับศิลปินกราฟิตี้ส่วนมาก จนเมื่อปี 2001 Blu จึงเริ่มหันมาใช้สีทาบ้านและดัดแปลงเครื่องมือเป็นแปรงลูกกลิ้งที่ติดเข้ากับ telescopic stick หรือไม้เท้าเดินป่าที่มีเลนส์กล้องส่องทางไกลติดอยู่นั่นเอง Blu จึงสามารถขยายพื้นที่ขอบเขตและขนาดงานเพนต์ของเขาได้ไปจนใหญ่ยักษ์เท่ากับผนังของตึกตึกหนึ่ง ในขณะเดียวกันผลงานของเขาก็ยังเต็มไปด้วยรายละเอียดที่พิถีพิถัน รวมทั้งทำให้งานของเขามีเอกลักษณ์เป็นตัวของตัวเองที่โดดเด่นขึ้นมาด้วย
นอกจาก mural painting ที่ทั้งเสียดสีและเจ็บแสบของเขาจะมีให้เห็นในอิตาลีแล้ว Blu ยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมสร้างสรรค์ผลงานตามเทศกาลศิลปะในอีกหลายประเทศ โดยเขายังคงขอสงวนชื่อนามสกุลจริงและไม่ยอมเปิดเผยใบหน้าสู่สาธารณะชน ในปี 2004 Blu ร่วมออกเดินทางไปยังอเมริกาใต้กับนักทำภาพยนตร์ Lorenzo Fonda และเพื่อนอีกสองคน ระหว่างที่อยู่ในนิคารากัว Blu ได้ใช้เวลาสอนศิลปะแก่เด็กในชุมชน รวมทั้งเพนต์งาน mural ขึ้นมาหลายชิ้น โดยชิ้นที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ ‘Hombre Banano’ หรือ ‘Banana Man’ ใน Avenida Bliver ที่ Managua ผลงานชิ้นนี้มีขนาดหลายร้อยฟุตและเป็นรูปสัตว์ประหลาดกลายพันธุ์ทำจากกล้วยที่ถูกดูดชิ้นส่วนที่เป็นกล้วยแต่ละชิ้นลงไปบนสายพาน และกล้วยชิ้นเล็กชิ้นน้อยนั้นก็กลายเป็นปืนจำนวนมากมายที่สาดกระสุนแก๊สสีแดงเข้ามาฆ่าสัตว์นานาชนิด สุดท้าย สัตว์ที่ล้มตายเหล่านั้นก็มากองรวมกันจนกลายเป็นผีโครงกระดูกขนาดใหญ่ ดูเผินๆ mural ชิ้นนี้ของ Blu อาจตลกจนไร้แก่นสาร แต่เรื่องราวที่มาที่ไปของผลงานชิ้นนี้มาจากการต่อสู้ของชุมชนกับบริษัทจำหน่ายกล้วยยักษ์ใหญ่ที่ขึ้นชื่อลือชาว่าใช้ยาฆ่าแมลงที่ส่งผลร้ายต่อทั้งสัตว์ สิ่งแวดล้อม และคนงานของพวกเขาเอง ซึ่งบริษัทที่ว่าก็คงจะใหญ่ยักษ์จริงๆ เพราะผลงานขนาดมหึมาชิ้นนี้ของ Blu ได้ถูกลบทิ้งไปแล้ว และปัจจุบันบริษัทก็ยังคงเดินหน้าธุรกิจต่อไป
ทุกวันนี้ Blu ก็ยังคงเดินหน้าทำงานมาไม่หยุดหย่อน และผลงานชิ้นล่าสุดในปีนี้ที่ La Cuccanga เขาก็ได้นำเอาศิลปะที่สวยงามน่ารักและละเอียดลออมาพูดถึงเบื้องหลังความฟอนเฟะของสังคมทุน-วัตถุนิยมได้อย่างเจ็บแสบอีกครั้ง
อ้างอิง: BluBlog, This is Colossal, HECHOmagazine