ที่จริงการใช้ศิลปะมาเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนสังคมนั้นมีมานานแล้ว โดยทำหน้าที่ปลูกฝังจิตสำนึกสร้างรูปแบบวัฒนธรรมหลากหลายให้กับโลก เพียงแต่ในยุคแรกเน้นด้านความเชื่อทางศาสนาเสียเป็นส่วนใหญ่ เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ศิลปะก็ยังมีบทบาทเดิมต่อไป โดยหันมาเสริมสร้างแนวคิดด้านอื่นที่เชื่อว่าสังคมมนุษย์กำลังบกพร่องอยู่ ศิลปินทั้งหลายล้วนคาดหวังว่าผลงานของตนจะช่วยผลักโลกให้หมุนไปพร้อมกับความสวยงาม น่ารื่นรมย์ ทว่าความรื่นรมย์ที่ว่านั้นจะยังคงอยู่ได้อีกหรือ ปัญหามลพิษทางทะเลเป็นปัญหาใหญ่ที่เรากำลังเผชิญอยู่ในทุกวันนี้ เพราะหากทะเลเสียไปสิ่งแวดล้อมทั้งหลายก็จะล่มสลายตามไปด้วย
มูลนิธิ PangeSeed Foundation เป็นอีกหนึ่งองค์กรที่สนใจในปัญหานี้ และพร้อมจะขับเคลื่อนสังคมให้หันมาใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยได้จัดโปรเจ็กต์สร้างสรรค์ที่นำศิลปะมาใช้เป็นแรงขับเคลื่อนบอกเล่าถึงพิษภัยจากมลพิษทางทะเลอย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าศิลปะนั้นเปลี่ยนแปลงโลกไปสู่สิ่งที่ดีกว่า เราเคยได้นำเสนอไปบ้างแล้ว เช่น Water is one หรือ Sea Walls โดยจะนำผลงานของศิลปินต่างๆ ทั่วโลก รวมกับศิลปินท้องถิ่นทำงานร่วมกันเพื่อปลุกจิตสำนึกให้ผู้คน งานนี้ก็เช่นเดียวกัน ศิลปินนานาชาติ 19 ชาติได้รับเชิญให้มาแสดงผลงานร่วมกับศิลปินท้องถิ่นที่เกาะ นูซา เปนิดา ในหมู่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ในงานเทศกาล Tropica Bali Street Art โดยใช้หัวข้อว่า “Protect What You Love, Protect Your Island” เพราะไม่มีใครจะรักบ้านเกิดของตนไปมากกว่าผู้อยู่อาศัย และไม่มีใครแคร์ธรรมชาติแวดล้อมของเราไปมากกว่าเราเอง
จากความร่วมมือของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในท้องถิ่น Sea Walls ได้รับรับข้อมูลด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สัตว์น้ำทางทะเลที่กำลังโดนคุกคาม ขยะพลาสติก และวิถีประมงชายฝั่งที่เป็นอันตรายต่อพวกสัตว์น้ำทั้งหลาย นำข้อมูลเหล่านั้นมาแปลงเป็นผลงานศิลปะไปรอบเกาะ นอกจากจะช่วยเป็นสปอตไลท์ฉายส่องถึงปัญหาให้ชัดเจนขึ้น บอกเตือนชาวบ้านแล้วยังส่งสารต่อไปยังเหล่านักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยียนให้ช่วยกันดูแลสภาพแวดล้อมไปพร้อมกัน งานแสดงนี้จัดขึ้นเมื่อเดือนกันยายนปี 2561 แต่ภาพเขียนทั้งหลายยังคงปรากฏให้เห็น นี่คือความห่วงใยที่บรรดาศิลปินนานาชาติต่างพร้อมใจกันสร้างสรรค์ผลงานออกมากันอย่างหลากหลายและสนุกสนาน ไม่ใช่ความสนุกที่จะได้แสดงภาพเขียนของตัวเอง แต่เป็นการผนึกกำลังปกป้องธรรมชาติที่ขาดการเหลียวมานานเกินไปแล้ว