โลกของเด็กวัยรุ่นทั่วไปอาจกำลังวุ่นวายอยู่กับเรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องครอบครัว และเรื่องอะไรต่อมิอะไรที่หมุนวนอยู่รอบตัวเอง ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปกติที่เราเคยชินกันอยู่ แต่สำหรับสาวน้อย Kayla Abramowitz โลกของเธอพิเศษและกว้างใหญ่กว่านั้น
Kayla เป็นผู้ก่อตั้งและผู้บริหารสูงสุดของ Kayla Cares 4 Kids องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่เริ่มต้นมาจากประสบการณ์ที่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นเวลายาวนานตั้งแต่อายุ 6 ขวบ เพราะเธอกับน้องชายป่วยเป็นโรคที่มีอาการเรื้อรังต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง เธอรู้ดีว่าชีวิตในโรงพยาบาลไม่ใช่เรื่องสนุก โดยเฉพาะกับเด็กๆ ที่ยังอยู่ในวัยเรียนรู้ ชอบสนุกสนาน ชอบเคลื่อนไหว ด้วยเหตุนี้ ตอนอายุ 11 ปี Kayla จึงปิ๊งไอเดียในการเติมความสุขและรอยยิ้มให้กับเด็กๆ ในโรงพยาบาลโดยเปิดรับบริจาคสื่อเพื่อการศึกษาและบันเทิงต่างๆ ดีวีดี หนังสือ ของเล่น และเกม เพื่อนำไปแจกจ่ายตามแผนกเด็กของโรงพยาบาล
แรกทีเดียว Kayla เริ่มต้นด้วยการอยากจะเป็นอาสาสมัครในโรงพยาบาลเด็กเท่านั้น แต่เนื่องจากอายุยังไม่ถึงเกณฑ์จึงยังทำไม่ได้ ซึ่งเธอไม่ได้หยุดความคิดไว้แค่นั้น กลับถามตัวเองต่ออีกว่า “แล้วฉันจะช่วยอะไรได้บ้าง?” เมื่อมองดูรอบๆ เธอก็พบว่ามีดีวีดีหนังและการ์ตูนที่ไม่ได้ดูแล้วอยู่ในบ้าน จุดประกายให้เกิดการส่งต่อของเหล่านี้ให้โรงพยาบาลเด็ก และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่มีเป้าหมายครั้งแรกเป็นการรวบรวมดีวีดีเพื่อบริจาคให้ได้ 100 แผ่น แต่ด้วยความร่วมมือร่วมใจของผู้สนับสนุนมากมาย ทั้งส่วนบุคคลและหน่วยงานองค์กรต่างๆ ทำให้ปัจจุบัน Kayla ได้ส่งมอบดีวีดีไปแล้วมากกว่า 14,000 แผ่น รวมถึงเครื่องเล่นวิดีโอเกม วีดีโอเกม เครื่องเล่นดีวีดี อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หนังสือ ของเล่น และอุปกรณ์ศิลปะ ให้กับโรงพยาบาลเด็กมากกว่า 400 แห่งในอเมริกา
ปัจจุบัน Kayla มีอายุ 15 ปี เธอยังคงเดินหน้าสานต่อโปรเจ็กต์ Kayla Cares 4 Kids อย่างต่อเนื่อง และนับวันก็ยิ่งมีผู้สนใจร่วมบริจาคและให้การสนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ผู้สนับสนุนคนสำคัญที่สุดก็คือคุณแม่และครอบครัวของเธอเองที่คอยอยู่เคียงข้างให้กำลังใจและกำลังกายมาตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงวันนี้
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ยอดเยี่ยมจากสาวน้อยมหัศจรรย์ที่ทำเรื่องเล็กให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ กับการแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่นด้วยแนวคิดเรียบง่ายไม่ได้ซับซ้อนอันใด เพียงแต่ใส่ความตั้งใจและลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ สมกับเป็นเด็กในโลกศตวรรษที่ 21 ที่ความรู้ในตำราอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องรู้จักคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหา ใช้ความคิดสร้างสรรค์ รู้จักการทำงานร่วมกับผู้อื่น เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และใช้เทคโนโลยีให้ถูกทาง หวังว่าเรื่องนี้จะช่วยกระตุ้นพลังสร้างสรรค์ให้ผู้อ่านได้ลงมือทำเรื่องดีๆ ต่อโลกใบนี้ด้วยเช่นกัน